LIGHTING
ทำไมต้อง LED?
หลอดไฟฟ้า LED ย่อมาจาก Light-emitting diode ทำจากอุปกรณ์ไฟฟ้ากึ่งตัวนำ หรือศัพท์เฉพาะทางเรียกว่าไดโอดเปล่งแสงมีการพัฒนาจากแค่เพียงอุปกรณ์เล็กๆ ที่ทำหน้าที่เปล่งแสงออกมาเพื่อแสดงสถานะของอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นนั้นว่ามีกระแสไฟฟ้าอยู่หรือมีสถานะใดๆตามสีที่แสดงออกมา และพัฒนามากขึ้นมาเป็นหลอดไฟLED Strip ที่ใช้เป็นไฟสำหรับตกแต่งให้ได้สีและแสงตามที่ต้องการ จากนั้นมีการนำมาใช้ในอุปกรณ์ไฟฟ้าส่องสว่างหลายๆอย่าง เช่น ไฟฉาย LED ไฟสำรองรองฉุกเฉิน ที่เราคุ้นเคยกันดีก็น่าจะเป็นทีวีแบบ LED ที่เคยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง และพัฒนาเรื่อยมาเป็นหลอดไฟ LEDที่ใช้งานตามบ้านในครัวเรือน สำนักงาน หรือสามารถทดแทนหลอดไฟฟ้าแบบเดิมได้เลยด้วยข้อดีหลายๆอย่าง เช่น กินไฟน้อยกว่า ให้ความสว่างกว่า มีอายุการใช้งานที่นานกว่า สามารถควบคุมสี และแสงของหลอดไฟ LED ได้มากกว่า ลดการสูญเสียพลังงานไปได้มากกว่าด้วย
ในปัจจุบัน หลอดไฟแอลอีดี เป็นหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆที่มีอยู่ในตลาดทั้งหมด และการประหยัดเงินค่าไฟฟ้าจากการใช้หลอดไฟ LED ตั้งแต่ 15-75% แล้วแต่ชนิดของหลอดเดิม ก็เป็นจุดประสงค์หลักขององค์กร ร้านค้า บริษัท โรงงานผู้ผลิต ผู้ประกอบการใดอยู่แล้วที่ต้องการลดต้นทุนภายในอย่างไรก็ดี การใช้หลอดไฟ LED ยังมีประโยชน์ในมุมอื่นๆอีกมาก
ข้อดีของหลอดไฟLED มีมากมายหลายด้านเมื่อเทียบกับหลอดไฟที่มีใช้ในปัจจุบัน
หลอด LED ให้แสงคุณภาพสูง
หลอดไฟledให้แสงสีขาวที่แท้จริง มีอัตราการกระพริบที่สูงมาก (แทบจะไม่มีการกระพริบ) และมีค่าอุณหภูมิสีได้ตั้งแต่ 3000K-6500K แสงจึงออกมาเป็นธรรมชาติ สบายตา ถนอมสายตา เหมาะสำหรับงานแสงสว่างทั่วไป และงานที่ต้องการแสงคุณภาพสูง
มีอายุการใช้งานนานกว่า
ข้อมูลจากการทดสอบของผู้ผลิตหลอดยืนยัน ว่าการใช้งานอย่างถูกวิธีและเหมาะสม สามารถที่จะทำให้ หลอดLED มีอายุใช้งานได้ถึง 60,000 ชั่วโมง โดยความสว่างไม่ลดลง เมื่อเทียบกับหลอดไส้ ที่มีอายุการใช้งานเพียงแค่ 1,000 ชั่วโมง หรือหลอดฟลูออเรสเซนต์ มีอายุการใช้งานประมาณ 10,000 ชั่วโมง เท่านั้น ถือว่า หลอดled มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก
ประหยัดค่าไฟ
ปัจจุบัน หลอด LED สามารถให้ค่าอัตราความสว่างได้ถึง 100-130 ลูเมนต์/วัตต์ ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ผลิต เมื่อเทียบกับหลอดไส้ ที่ให้ค่าอัตราความสว่างอยู่ที่ 12-15 ลูเมนต์/วัตต์ ส่วนหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็ให้ค่าอัตราความสว่างได้ที่ 40-80 ลูเมนต์/วัตต์ และมีแนวโน้มว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ีถูกคิดค้นขึ้นใหม่และการแข่งขันทางการตลาดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต LED จะสามารถให้ความสว่างต่อวัตต์เพิ่มขึ้นหรือประสิทธิภาพสูงขึ้นได้อีก (โดยล่าสุดมีสถิติบันทึกไว้ว่า มีผู้คิดค้น led ที่ให้แสงสว่างได้สูงถึง 300 ลูเมนต์/วัตต์)
หลอดLED ติดตั้งได้ในพื้นที่แคบและจำกัด และใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ติดไฟได้
เพราะหลอด led สามารถอบรรจุยู่ในดวงโคมสภาพมิดชิดได้โดยมีความหนาน้อยกว่า(บางกว่า) และไม่มีประกายไฟเกิดขึ้นในขณะใช้งานหรือตอนเปิดปิด ดังนั้นแม้ในสภาพแวดล้อมเลวร้าย เช่น สภาวะติดไฟง่ายหรือระเบิดง่ายก็สามารถใช้หลอด led ได้
หลอดLED ไม่เป็นอันตราย
ไม่มีสารปรอท สารพิษ หรือใช้โลหะหนักเป็นส่วนประกอบดังนั้นหลอดledจึงไม่เป็นอันตรายต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
หลอดLED มีการบำรุงรักษาต่ำ
เนื่องจาก หลอดLED อยู่ในสภาพมิดชิด และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า หลอดled จึงไม่ต้องการ การบำรุงรักษาอะไร
หลอดLED ใช้งานในที่เย็นจัดได้
หลอดไฟled สามารถใช้งานในที่เย็นจัดได้ถึง -40 C โดยไม่ต้องมีการอุ่นไส้ และยังสามารถที่จะเปิดติดได้ทันที
หลอดLEDไม่มีรังสี UV
ไม่เป็นอันตราย ไม่มีรังสีอัลตราไวโอเลตหรือUV ที่มีผลเสียต่อผิวหนังและสายตาของมนุษย์ และยังไม่มีรังสีอินฟราเรด หรือรังสีอื่นๆใด ที่เป็นอันตรายอีกด้วย
หลอดLED ใช้พลังงานคุ้มค่า ลดภาวะโลกร้อน
เพราะว่าพลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งในการผลิตก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจก และในการเลือกใช้หลอดไฟLED อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดการใช้พลังงาน ลดแก๊สเรือนกระจกและก๊าซพิษได้เป็นเท่าตัว อาคารที่ใช้หลอดled ก็มีความร้อนน้อยลง จึงช่วยประหยัดค่าแอร์ได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนั้น การเปลี่ยนมาใช้หลอดled ซึ่งใช้พลังงานน้อยลงให้ผลทางตรงเรื่องค่าไฟแล้ว ยังมีส่วนช่วยโลกช่วยประเทศชาติประหยัดพลังงาน แล้วยังให้ผลทางอ้อมคือทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาสาธารณะชนได้อีกทางหนึ่งด้วย
หลอดLED คือ อนาคต
นอกจากหลอดไฟledจะลดข้อจำกัดในการออกแบบทำให้สิ่งของต่างๆมีหน้าที่สวยงาม ดูทันสมัยและล้ำหน้า ล้ำอนาคตแล้ว รัฐบาลของทุกประเทศทั่วโลกและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องพลังงาน ปัญหาโลกร้อน ปัญหาขยะสารพิษ และปัญหามลภาวะ มากขึ้น ดังนั้นการใช้ หลอด LED ทดแทนหลอดไฟที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จึงเป็นอีกหนหนึ่งที่จำเป็นที่ทุกๆ ประเทศนำไปพิจารณาในการลดการใช้พลังงาน เห็นได้จากข้อมูลสื่อทั่วๆไป